สภาพแวดล้อมการเรียนรู้สร้างสรรค์: สังเคราะห์แนวคิดจากบริบทไทย
สภาพแวดล้อมการเรียนรู้สร้างสรรค์:
สังเคราะห์แนวคิดจากบริบทไทย
โดยทั่วไป แนวคิดเกี่ยวกับ ‘สภาพแวดล้อมการเรียนรู้’
(Learning Environment) มักเกี่ยวข้องกับการพัฒนาปรับปรุงบรรยากาศในชั้นเรียนและสิ่งแวดล้อมของโรงเรียน
อีกคำหนึ่งที่เห็นใช้กันมากคือ ‘ระบบนิเวศการเรียนรู้’
(Learning Ecosystem) มีความหมายที่ขยายขอบเขตมากกว่าพื้นที่โรงเรียน
แต่ครอบคลุมไปถึงสถานที่ทำงาน ชุมชน ซึ่งแวดล้อมด้วยทรัพยากร ผู้คน และเทคโนโลยี
ซึ่งล้วนมีส่วนในการสนับสนุนให้เกิดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ทั้งแง่บวกและแง่ลบ
อย่างไรก็ดี มโนทัศน์ของคำว่า “สภาพแวดล้อมการเรียนรู้” มักถูกโน้มนำให้นึกถึงเพียงแค่การปรับปรุงลักษณะทางกายภาพดังเช่นอาคารสถานที่หรือสิ่งที่จับต้องได้
ซึ่งไม่เพียงพอในการทำความเข้าใจถึงองค์ประกอบที่สนับสนุนหรือเป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้สร้างสรรค์
ดังนั้นการขยับมุมมองไปยังมิติเชิงวัฒนธรรมรวมถึงระบบโครงสร้างการศึกษา
แล้วนำมาทดลองสังเคราะห์
จึงพอจะสรุปแนวคิดเบื้องต้นว่าด้วยสภาพแวดล้อมการเรียนรู้สร้างสรรค์ได้ ดังแผนภาพ
จากรูป สภาพแวดล้อมการเรียนรู้สร้างสรรค์
ควรมีองค์ประกอบที่จำเป็น 6 ประการได้แก่
1. แหล่งเรียนรู้หรือพื้นที่การเรียนรู้
ที่มีทรัพยากรหลากหลายและเพียงพอตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
นี่คือมุมมองในเรื่องพื้นที่กายภาพซึ่งคุ้นเคยกันดี
2. เนื้อหาสาระ หรือ Content แบ่งได้เป็นสองส่วน
ส่วนที่หนึ่งคือองค์ความรู้ของแหล่งเรียนรู้นั้นๆ และส่วนที่สองคือสื่อการเรียนรู้
เป็นตัวกลางที่นำองค์ความรู้ไปสู่ผู้เรียนหรือผู้ใช้
3. กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ในลักษณะที่เป็นทั้งโครงการ อีเว้นท์
และการรณรงค์
ซึ่งควรเน้นการสร้างประสบการณ์แก่ผู้ใช้ในลักษณะของการลงมือปฏิบัติเพื่อสร้างความรู้ด้วยตนเอง
และส่งเสริมให้มีวัฒนธรรมการแบ่งปันความรู้หรือบทเรียนจากการลงมือทำไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว
4. ความหลากหลาย หมายถึงการยอมรับในความแตกต่างทั้งความคิดและวิถีชีวิต
เคารพในอัตลักษณ์ย่อยไม่ให้ถูกกลืนหาย
โดยไม่จำเป็นต้องแสวงหาความเป็นหนึ่งเดียวเสมอไป
5. ความคิดสร้างสรรค์ โดยส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดเชิงตรรกะ
คิดเป็นระบบ และความมีเหตุผล ตลอดไปจนถึงการคิดนอกกกรอบ การคิดแก้ไขปัญหา
ซึ่งเป็นพื้นฐานของการคิดสร้างสรรค์ที่สามารถต่อยอดจนเกิดเป็นนวัตกรรม
6. เสรีภาพในการแสดงออกทั้งการคิดการเขียนและการพูด
โดยตระหนักถึงความรับผิดชอบในการใช้เสรีภาพที่จะต้องไม่กระทบสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นหรือคนส่วนใหญ่
อุปสรรคของการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้สร้างสรรค์ในสังคมไทยนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ได้อยู่ที่องค์ประกอบสามประการแรก
(แน่นอนว่ามิใช่หมายความว่าองค์ประกอบเหล่านี้ไม่มีปัญหาในเชิงคุณภาพ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาในการจัดการความรู้เพื่อสร้างต้นแบบหรือแนวปฏิบัติที่ดี
การเข้าถึง และผลกระทบทางสังคม) แต่อยู่ที่องค์ประกอบสามประการหลังซึ่งอาจเรียกรวมกันไปว่า ‘บริบทที่ส่งเสริมการเรียนรู้สร้างสรรค์
กล่าวสำหรับการเรียนรู้
ปัญหาระดับรากฐานที่สุดคือสังคมไทยขาดการส่งเสริมให้คนรู้จักคิดวิเคราะห์คิดเป็นระบบและคิดอย่างมีเหตุผล
หรือที่พูดกันจนแทบจะเป็นที่ยอมรับกันไปแล้วว่าเด็ก (นักเรียน) ไทยคิดไม่เป็น
ซึ่งทักษะการคิดดังกล่าวจะฝึกฝนเรียนรู้กันได้ก็ต่อเมื่อระบบการศึกษามีบรรยากาศเปิดกว้าง
ใช้อำนาจน้อย ลดการเรียนรู้เชิงเทคนิคและการท่องจำ
ให้น้ำหนักกับการสร้างทักษะการเรียนรู้และปรับตัวของผู้เรียนให้สามารถพัฒนาตนเองได้
ย้ายความรู้ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ครูผู้สอนไปสู่ผู้เรียน
ด้วยความเชื่อว่านักเรียนสามารถสร้างความรู้ได้ด้วยตัวเอง
โดยครูทำหน้าที่เป็นเพียงผู้กระตุ้นและคอยให้คำแนะนำ
ในขณะเดียวกัน
ระบบอุปถัมภ์และลักษณะอำนาจนิยมในสังคมไทยยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่บั่นทอนการคิดวิเคราะห์และคิดสร้างสรรค์อย่างร้ายแรง
ทำให้พื้นฐานการวิจารณ์อ่อนแอ ขาดนิสัยการใช้เหตุผล หลักการไม่หนักแน่น
คนไม่เห็นความจำเป็นของความรู้และความสามารถในการคิดเป็น
ยอมรับความสัมพันธ์เชิงอำนาจ การใช้เส้นสายและพวกพ้อง
เน้นอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยภายใต้การอุปถัมภ์ของผู้มีอำนาจเหนือกว่า
ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นและลงมือทำ เพราะกลัวถูกตำหนิหรือกลัวล้มเหลว
ตราบใดที่ปัญหาเรื้องรังเหล่านี้ยังคงอยู่
มันก็จะยังคงกัดกินสังคมไทยจนไม่อาจสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง
แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีผู้เสนอทางออกหรือวิธีแก้ไขปัญหาแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีข้อเสนอใดที่แตะลงไปถึงรากเหง้า
นั่นคือ ‘ระบบอุปถัมภ์และลักษณะอำนาจนิยม’ ที่ฝังรากจนอาจเรียกได้ว่ากลายเป็นวัฒนธรรมเร้นลึก (Deep
Culture) ที่ฝังอยู่ในยีนทางวัฒนธรรมของคนไทย
บทสังเคราะห์นี้อาจเป็นข้อสรุปที่ออกจะรวบรัดและมองโลกในแง่ร้าย
และเป็นไปได้ว่าอาจยังไม่ครอบคลุมรอบด้าน
หรือแม้กระทั่งอาจไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ไม่มีใครเคยรู้
แต่ใช่หรือไม่ว่าทั้งๆ ที่รู้
เราต่างก็ปล่อยปละละเลยปัญหาเหล่านี้ให้สั่งสมมานานจนเกินไปแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น